ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับการพักชำระหนี้และมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส Covid-19

ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับการพักชำระหนี้และมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส Covid-19 

1.        ธนาคารมีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิค – 19  อย่างไรบ้าง ?
ตอบ ธนาคารออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าโดยพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ลดอัตราการผ่อนชำระ 

2.        ลูกค้าที่จะได้รับสิทธิการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย  6  เดือนเป็นลูกค้าประเภทใด และจะได้รับความช่วยเหลืออย่างไรจากธนาคาร ?
ตอบ 2.1 เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย และประกอบธุรกิจในประเทศไทยมีวงเงินสินเชื่อ ประเภท สินเชื่อ SMEs  เช่นสินเชื่อเงินกู้ วงเงินเบิกเงินเกินบัญชี  ตั๋วสัญญาใช้เงิน วงเงินรวมไม่เกิน 100 ล้านบาท และ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 ไม่มีสถานะเป็นหนี้ NPL
        2.2  ได้รับการพักชำระเงินต้น และดอกเบี้ยระหว่างเดือนเมษายน ถึงเดือนกันยายน  2563  รวม 6 เดือน
        2.3  ระหว่างพักการชำระหนี้ ธนาคารคิดดอกเบี้ยในอัตราปกติ
        2.4  ลูกค้าสามารถตกลงกับธนาคารเกี่ยวกับวิธีการชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดเวลาตามสัญญาหรือขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไป

3.        หากลูกค้าไม่อยู่ในเกณฑ์การพักชำระหนี้ข้างต้น ลูกค้าจะได้รับการช่วยเหลือจากธนาคารอย่างไรบ้าง ?
ตอบ ธนาคารมีมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อทุกประเภทที่ไม่มีสถานะเป็นหนี้ NPL และมีคุณสมบัติตามที่ธนาคารกำหนดซึ่งเป็นไปตามนโยบายและข้อกำหนดของธนาคาร

4.        กรณีเข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ ระยะเวลาการชำระหนี้ต้องขยายไปหรือไม่ ?
ตอบ ระยะเวลาครบกำหนดชำระหนี้ยังคงเดิม ทั้งนี้หากครบกำหนดสัญญาและลูกค้ายังไม่สามารถปิดยอดหนี้ที่เหลือในงวดสุดท้ายของสัญญาได้หมด ท่านสามารถติดต่อกับธนาคารเพื่อขอคำแนะนำจากธนาคารได้

5.        หากสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือดังกล่าวแล้ว ลูกค้าต้องชำระหนี้อย่างไร  ธนาคารจะมีมาตรการอื่น ๆ ช่วยเหลือเพิ่มเติมหรือไม่ ?
ตอบ ปัจจุบันธนาคารมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมโดยสามารถติดต่อกับธนาคารเพื่อขอคำแนะนำจากธนาคารได้

6.        กรณีลูกค้าเข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้หรือลดอัตราการผ่อนชำระหนี้  ลูกค้าจะมีประวัติค้างชำระในเครดิตบูโร (NCB) หรือไม่ ?
ตอบ 6.1 ประวัติค้างชำระในเครดิตบูโร NCB)  คงเดิมก่อนได้รับการพักชำระหนี้
         6.2 กรณีเข้าเกณฑ์ลดอัตราการผ่อนชำระหนี้   ธนาคารจะไม่รายงานประวัติการค้างชำระหนี้

7.        หากลูกค้าไม่ต้องการเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือจะต้องดำเนินการอย่างไร ?
ตอบ ชำระหนี้ตามปกติ

8.        กรณีลูกค้าชำระหนี้ตามปกติ แต่ต่อมาผิดนัดชำระหนี้ ในช่วงมาตรการช่วยเหลือลูกค้าจะเสียประวัติหรือไม่ ?
ตอบ  8.1   กรณีพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน (พ.ร.ก.)  ลูกค้าจะไม่เสียประวัติการค้างชำระหนี้
         8.2     กรณีพักชำระหนี้เงินต้น และดอกเบี้ย 3 เดือน (มาตรการ ธปท.) ลูกค้าไม่เสียประวัติการค้างชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่ได้รับให้พักชำระหนี้
         8.3     กรณีไม่อยู่ในข้อ 8.1 และ 8.2 เช่น ลดอัตราผ่อนชำระหากลูกค้าไม่ชำระตามข้อตกลง ลูกค้าจะเสียประวัติการค้างชำระหนี้

9.        หากลูกค้าประสงค์จะใช้สิทธิรับมาตรการช่วยเหลือจะต้องทำอย่างไร ?
ตอบ ธนาคารจะพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน (พ.ร.ก.) ให้แก่ลูกค้าที่เข้าเกณฑ์โดยอัตโนมัติ ส่วนมาตรการอื่นขอให้ลูกค้าติดต่อธนาคาร

10. ลูกค้าสามารถยื่นคำขอเข้าร่วมโครงการให้ความช่วยเหลือของธนาคารได้ตั้งแต่เมื่อใดและสิ้นสุดเมื่อใด ?
ตอบ ลูกค้าสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 (หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงจากธนาคาร)

หมายเหตุ ทั้งนี้ การพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลาที่พักชำระหนี้จะยังคงมีการคิดดอกเบี้ยตามปกติที่ระบุในสัญญาเดิม โดยดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการพักชำระหนี้ ธนาคารจะนำไปพักแยกไว้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Hotline มาตรการช่วยเหลือลูกค้า ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย 
โทร. 02-203-6500 (จ.-ศ. 08:30 น. – 17:00 น.)
กด 1 ลูกค้าสินเชื่อไมโครเอสเอ็มอี และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
กด 2 ลูกค้าสินเชื่อนาโน และไมโครไฟแนนซ์
Call Center
โทร. 02-697-5454  (ทุกวัน 08:00 น. – 18:00 น.)