โลกหลังวิกฤติ Covid-19

จากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก ดังนั้น โลกหลังวิกฤติ Covid-19 จะเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงลักษณะพื้นฐาน (Fundamental Changes) ในชีวิตและสังคมของมนุษย์ ได้แก่

1) ธุรกิจจะหันมาใช้คู่ค้าในประเทศมากขึ้น (Supply chains will be local rather than global)
บริษัทในประเทศที่เคยพึ่งพิง Foreign Suppliers คู่ค้าต่างประเทศ เกิดความเสี่ยงที่ไม่สามารถค้าขายกันได้ระหว่างเกิดโรคระบาด ต้องหันมาทบทวนการลดความเสื่ยงลงโดยหันมาใช้ Local Suppliers มากขึ้น แม้จะมีต้นทุนสูงขึ้นก็ตาม

2) ร้านค้าปลีกจะหันมาค้าขายแบบออนไลน์มากขึ้น (Shop, work and play online)
ระหว่างที่เกิดโรคระบาดจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า กลุ่มร้านค้าปลีกในลักษณะ Physical Stores ต้องปรับตัวมาทำ Online Commerce เร็วขึ้น และในอนาคตจะทำธุรกิจทั้งในแบบหน้าร้านและ Online จะไม่มีทางหวนกลับไปทำการค้าในลักษณะ In-store อย่างเดียว ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ศูนย์การค้าทั้งหลายที่เรียกว่า Commercial Real Estate ที่มีบรรดาร้านค้าต่างๆ ไปตั้งอยู่ในนั้นก็จะต้องปรับตัวตามไปด้วย

3) การฟื้นฟูความเชื่อมั่นต้องใช้เวลา (Loss of trust will take time to recover)
เหตุการณ์โรคระบาดครั้งนี้ได้ลดทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไปในทุกธุรกิจ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม หรือบางประเทศที่มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก จนต้องปิดประเทศ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก การฟื้นฟูความเชื่อมั่นนี้ต้องใช้เวลา มีการคาดการณ์กันว่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี หลังวิกฤตินี้

4) ความรู้ความชำนาญด้านเทคโนโลยีจะเพิ่มโอกาสให้แรงงานที่ปรับตัวได้ (Digital divide will become a chasm)
ความรู้และทักษะด้าน IT จะสำคัญมากในยุคต่อไป จะทำให้เกิดช่องว่างแบ่งคนออกเป็น คนที่มีทักษะ IT สามารถใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว และคนที่ไม่ชำนาญ ซึ่งคนที่ปรับตัวและใช้ได้จะมีโอกาสได้งานมากกว่า ต่อจากนี้ไปคนจะเริ่มทำงานและเรียนรู้ทาง Online กันมากขึ้น เพราะในช่วงโรคระบาดมันได้พิสูจน์แล้วว่าคนทำงานอยู่ที่ใดก็ได้

5) การลงทุนจะหันมามุ่งเน้นกับตลาดในประเทศมากขึ้น (Home-bias will increase dramatically)
เหตุการณ์โรคระบาดนี้จะกระทบต่อการลงทุนทั่วโลก เพราะทำให้บรรดานักลงทุนหันมาทบทวนเกี่ยวกับเรื่องความเสี่ยงว่า การลงทุนแบบใกล้บ้าน (Closer to home) น่าจะเข้าใจง่ายกว่าการออกไปลงทุนไกลๆ ในประเทศอื่น นักลงทุนจึงถูกคาดการณ์ว่าจะหันมาลงทุนในตลาดในประเทศมากขึ้น
 

6) ระบบสวัสดิการทางสาธารณสุขจะถูกยกระดับมาตรฐานให้ประชาชน (Healthcare for all becomes a more standard view)
ก่อนการเกิดโรคระบาด การออกสวัสดิการรักษาพยาบาลให้แก่ประชาชนทุกคนที่เรียกว่า Universal Healthcare ถูกมองว่าเป็นความสิ้นเปลือง แต่เมื่อเกิดเรื่อง Covid19 และมีการพูดเรื่อง Free Testing ให้แก่ประชาชนทุกคน ก็อาจมีปัญหาว่าไม่ได้เตรียมการไว้และไม่มีงบประมาณเพียงพอ ในอนาคตรัฐบาลประเทศต่างๆ จะหันมาทำนโยบายสาธารณสุขให้มีลักษณะ A Good Healthcare System ซึ่งต้องใช้งบประมาณที่สูงขึ้น

7) การพัฒนาระบบสวัสดิการแรงงานจะเข้มแข็งขึ้นเพราะจะมีคนตกงานมหาศาลเป็นเวลานาน (Unemployment benefit is not just for the lazy) 
เหตุการณ์ Covid-19 ส่งผลกระทบต่อการหยุดชะงักของระบบเศรษฐกิจ แรงงานมีการตกงานจำนวนมากแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และเข้ามาขอรับความช่วยเหลือหรือเยียวยาจากรัฐบาล ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก และจะกลายเป็นภาระหนี้สาธารณะของประเทศต่อไป ในระยะต่อไปประเทศต่างๆ ต้องเร่งพัฒนาฐานข้อมูลและระบบการจ่ายสวัสดิการแรงงานให้มีมาตรฐานดีกว่าเดิม เพื่อให้การจ่ายเงินหรือทรัพยากรต่างๆ เป็นไปอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ

8) ธุรกิจประกันภัยจะได้รับความสำคัญมากขึ้น (Insurance takes center stage) 
การเกิดโรคระบาดในครั้งนี้ ได้สร้างความเสียหายอย่างเกินกว่าจะประเมินมูลค่าได้ไปทุกที่ทั่วโลก ใครที่บริหารความเสี่ยงได้ดี มีการทำประกันภัยไว้เหมาะสม ก็อาจสามารถบรรเทาผลกระทบตอนนี้ได้ดีกว่า การบริหารความเสี่ยงถูกคาดหมายว่าจะเป็น A Core Activity ในโลกใหม่ต่อไป และบริษัทประกันภัยเองก็จะเข้มงวดมากขึ้นในการรับประกันภัยและการบริหาร Exposure ที่จะเกิดขึ้น
โดยธรรมชาติแล้วทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นบนโลกใบนี้ ทุกคนย่อมต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลงเสมอ ต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์นั้นๆ ‘เพื่อความอยู่รอด’ และการดำรงชีวิตให้ทันกับโลกปัจจุบันนั่นเอง 

ขอบคุณข้อมูล : Forbes, Suzy Taherian